ปัจจุบันกล้องวงจรปิดมีความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก, คนชรา และสัตว์เลี้ยง เพื่อดูผ่านมือถือได้ตลอดเวลาทำให้ทราบเหตุการณ์ได้ทันที ซึ่งในปัจจุบันกล้องไวไฟ (Robot CCTV) มีราคาที่ถูกลงมาก มีราคาตั้งแต่ 200 – 2000 บ. ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของตัวอุปกรณ์ แต่เนื่องจากราคาไม่แพง ทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องลดต้นทุนจึงเป็นผลให้คุณภาพต่ำ เหมาะกับการนำไปใช้ในบ้านพักขนาดเล็ก แต่ไม่เหมาะในการนำมาใช้ในออฟฟิศ, โรงงาน, โรงแรม, อาคารสูง ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้งาน ดังนี้
- เก็บบันทึกวีดีโอย้อนหลังได้จำกัด 1-2 วัน : เนื่องจาก ตัวกล้องจะมีช่องเสียบหน่วยความจำ (Memory Card) แต่ไม่มีอุปกรณ์บันทึกข้อมูล สามารถบันทึกได้ไม่เกิน 64 GB (1-2 วัน) ซึ่งระบบกล้องวงจรปิดที่ดีควรบันทึกข้อมูลได้ 30 วันขึ้นไปเพื่อการนำภาพหรือวีดีโอไปใช้ในการดำเนินคดีต่อไป
- ปรับมุมกล้องได้ง่าย : หากคนร้ายที่ต้องการเข้ามาลักขโมย เห็นกล้องที่ส่องอยู่สามารถปรับมุมกล้องหลบเพื่อไม่ให้จับภาพตัวเองได้โดยง่าย เพียงหมุนเข้ามุมอับ หากเป็นกล้องที่ติดตั้งบนฝ้าสูง โดยช่างผุ้ชำนาญจะไม่สามารถเปลี่ยนมุมกล้องได้ง่าย อาจต้องปีนหรือต้องมีเก้าอี้เพี่อปรับจะทำให้เพิ่มเวลาในการโจรกรรมมากยิ่งขึ้น
- ข้อจำกัดในการดูภาพย้อนหลัง : เนื่องจากการดูภาพย้อนหลังของกล้องแบบนี้สามารถดูผ่านแอพพลิเคชั่นมือได้เท่านั้น ไม่สามารถต่อออกจอภาพเพื่อดูรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้น
- ต้องต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา : หากเทียบกับกล้องวงจรปิดแบบที่มีเครื่องบันทึก จะพบว่าแบบที่มีเครื่องบันทึกหากอินเตอร์เน็ตขัดข้อง ตัวเครื่องสามารถบันทึกวีดีโอได้อย่างต่อเนื่องและสามารถดูย้อนหลังได้เมื่ออินเตอร์เน็ตใช้งานได้ แต่กล้อง Robot Wifi ไม่สามารถใช้งานได้เมื่ออินเตอร์เน็ตขัดข้อง
สรุป กล้องวงจรปิดไร้สาย (Robot CCTV)
เหมาะกับการใช้งานในบ้านพักส่วนตัวขนาดเล็ก-ขนาดกลาง เช่น ทาวเฮ้าซ์ และ บ้านเดี่ยว แต่ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานในอาคาร, ออฟฟิศ และโรงงานเนื่องจากเก็บข้อมูลได้น้อย และหากสัญญาณอินเตอร์เน็ตขัดข้องก็จะไม่สามารถดูข้อมูลในช่วงเวลานั้นๆได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กล้องวงจรปิดแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?
- ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
- กล้อง AI จับภาพคนร้ายแจ้งเตือนทันทีที่มือถือ!
และจะดีกว่าไหม หากมีคนที่พร้อมเข้าพื้นที่เสี่ยงทันที! เมื่อระบบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายได้?
ระบบสัญญาณเตือนภัยอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) เป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน และมีความปลอดภัยสูงสุดเป็นการผสมผสานระหว่าง “ระบบสัญญาณเตือนภัยอิเล็กทรอนิกส์ และเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุตลอด 24 ชั่วโมง” เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือสัญญาณแจ้งเตือนจากระบบ ทีมเจ้าหน้าที่จะทำหน้าที่เข้ายับยั้งเหตุเบื้องต้น ณ สถานที่เกิดเหตุ พร้อมประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือรถฉุกเฉิน พร้อมแจ้งให้ผู้ดูแลรับทราบเหตุทันที
“ปลอดภัยกว่าเพราะ ผู้เช่าระบบ ESS ไม่ต้องเข้าพื้นที่เสี่ยงด้วยตัวเอง”
ขั้นตอนการทำงานของระบบ ESS
*ฟรีอุปกรณ์เซ็นเซอร์ทุกจุดและศูนย์ควบคุม 24 ชม.
1. แจ้งเหตุ : เมื่อเกิดเหตุจะมีสัญญาณแจ้งเตือนมาที่ศูนย์ควบคุม(GC) และที่มือถือลูกค้า ศูนย์จะทำการโทรแจ้งลูกค้าทันทีเพื่อยืนยันการเกิดเหตุ
2. ตรวจสอบเหตุ : GC ประสานหน่วยเคลื่อนที่เร็ว(SO)ในพื้นที่ ที่ใกล้ที่สุดเข้าตรวจสอบ
3. ระงับเหตุ : SO เข้าพื้นที่เสี่ยงด้วยความรวดเร็วและรัดกุมเพื่อระงับเหตุเบื้องต้น
4. รายงานเหตุ : แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าจับกุม สอบสวน และแจ้งสรุปเหตุการณ์ให้ลูกค้าทราบทั้งหมด
========================
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กล้องวงจรปิดแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?
- ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
- กล้อง AI จับภาพคนร้ายแจ้งเตือนทันทีที่มือถือ!
- 4 เทคนิคการวางระบบกันขโมยให้อยู่หมัด
ระบบ ESS จะทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ท่านตลอด 24 ชม. โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุม(GC) และ หน่วยเคลื่อนที่เร็ว(SO)
ช่วยให้ท่านคลายกังวลในชีวิตอันมีค่าและทรัพย์สิน พร้อมกับได้รับความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
SKT SECURITY เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด
ในประเทศใต้หวัน, ประเทศจีน และประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม >> www.localhost/fix
